ทองคำเป็นสินทรัพย์ประเภทหนึ่งที่เหล่าเทรดเดอร์มืออาชีพนิยมใช้กลยุทธ์การเทรดทองคำระยะสั้นเนื่องด้วยราคาที่มีควาผันผวนสูง สามารถทำกำไรจากการเปิดปิดคำสั่งซื้อขายได้อยู่เสมอ เหมาะกับคนที่ไม่มีเวลาเฝ้าหน้าจออย่างพนักงานประจำแต่สามารถหาจังหวะเข้าทำกำไรได้ และตลาด Forex เป็นตลาดที่ได้รับความนิยมในการเทรดระยะสั้นมากที่สุด ส่วนคู่สกุลเงินทองคำที่นิยมเทรดกันมากที่สุด ก็คือ XAUUSD ดังนั้นบทความนี้จะขอแนะนำให้รู้จักการเทรดระยะสั้นคืออะไร มีกี่ประเภท ข้อดีการเทรดทองคำระยะสั้น กลยุทธ์การเทรดทองคำระยะสั้น และการเตรียมพร้อมก่อนเริ่มการเทรดทองคำระยะสั้นซึ่งเป็นเทคนิคที่จะช่วยปั้นพอร์ตทองคำของเทรดเดอร์มือใหม่และมือเก๋าให้เติบโตแบบเร่งด่วนโดนใจสายเทรดสั้นอย่างแน่นอน
ทำความรู้จักกับการเทรดระยะสั้น Short Term Trading
ก่อนที่เข้าสู่เนื้อหากลยุทธ์การเทรดทองคำระยะสั้นอยากจะขอทำความเข้าใจกับความหมายของการเทรดระยะสั้นก่อนว่าคืออะไร มีกี่ประเภท เพื่อเป็นแนวทางให้กับนักลงทุนในการเลือกประเภทการเทรดระยะสั้นที่เหมาะสมกับตนเองได้ ข้อดีของการเทรดระยะสั้นและอีกสิ่งที่สำคัญในการเลือกตลาดเทรด เรามาดูข้อดีของการเลือกเทรดทองคำว่าทำไมถึงเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมสูงจากเทรดเดอร์ชาวไทยและทั่วโลก
การเทรดระยะสั้นคืออะไร
- เป็นการเปิดปิดคำสั่งซื้อขายที่รวดเร็วใช้ระยะเวลาสั้น โดยมีระยะเวลาตั้งแต่หลักวินาทีไปจนถึง 2-3 สัปดาห์
- เป็นทางเลือกการเทรดอีกรูปแบบหนึ่งแทนการเทรดแบบดั้งเดิมที่จะมีการซื้อทองคำจริงเก็บไว้ถือนานเป็นเดือน เป็นปี เพื่อเกร็งกำไรระยะยาว
- เทรดเดอร์ไม่จำเป็นต้องศึกษาปัจจัยพื้นฐานของทองคำมากนักแต่จะเน้นทำกำไรจากการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของราคาทองคำมากกว่า และมองหาความผันผวนที่จะเกิดจากข่าวสารที่ส่งผลต่อราคาทองคำ
- ไม่เน้นการเป็นเจ้าของสินทรัพย์เพราะต้องการทำกำไรจากราคาตลาดที่ขึ้นลงเท่านั้น
- มีการเข้าซื้อขายบ่อยครั้ง จำนวนครั้งในการเปิดปิดออเดอร์มีตั้งแต่หลักหน่วยไปถึงหลักร้อยครั้ง
- ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอดูการเคลื่อนไหวของทองคำตลอดเวลาเนื่องจากเป็นการเทรดระยะสั้น สามารถเทรดได้หลายตราสารในเวลาเดียวกัน
ประเภทการเทรดระยะสั้น
การเทรดระยะสั้นที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุน จะมีทั้งหมด 3 ประเภทด้วยกันได้แก่
- Scalping มีระยะเวลาการเปิดปิดออเดอร์ที่สั้นที่สุด ตั้งแต่วินาทีจนถึงนาที มีกำไรต่อการซื้อขายต่อครั้งน้อยแต่มีการซื้อขายบ่อยครั้งมากที่สุด ใช้ต้นทุนสูง มีความเสี่ยงสูง เหมาะกับเทรดเดอร์มีออาชีพ
- Day traders มีระยะเวลาการเปิดปิดออเดอร์ที่ตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงไปถึงหลายชั่วโมงแต่ไม่เกิน 1 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงค่าสวอป ทำกำไรจากการเคลื่อนไหวราคาตลอดวันเทรดไม่เกิน 10 ครั้งต่อวันแต่ทำกำไรค่อนข้างมาก เหมาะกับเทรดเดอร์ทั่วไป
- Swing traders มีระยะเวลาในการเปิดปิดออเดอร์นานที่สุดในกลุ่มเทรดระยะสั้น ตั้งแต่หลายวันจนถึง 2-3 สัปดาห์ ทำกำไรจากการเคลื่อนไหวราคาที่กว้างจึงได้กำไรสูงในการเทรดแต่ละครั้ง เหมาะกับเทรดเดอร์ทุกระดับ
ข้อดีของเทรดทองคำระยะสั้น
นอกจากการเลือกประเภทการเทรดแล้วการเลือกตลาดในการเทรดก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่นักลงทุนต้องตัดสินใจเลือก และตลาดทองคำเป็นตลาดที่ได้รับความนิยมสูงจากนักเทรดเดอร์ที่นิยมการเทรดระยะสั้น เนื่องจากมีข้อดีดังนี้
- ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมสูงจากนักลงทุนทั่วโลกทั้งรายย่อยและรายใหญ่ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยจึงสามารถสร้างความผันผวนที่สูงในตลาดได้ตลอดเวลา
- มีโบรกเกอร์ทั่วโลกจำนวนมากที่เปิดให้บริการ มีการแข่งชันสูง ช่วยลดต้นทุนในการซื้อขาย และมีบัญชีทดลองให้ฝึกเทรด
- มีค่าสเปรดที่ต่ำหากเทียบกับสินทรัพย์ประเภทอื่นอย่างเช่น บิทคอยน์
- สามารถเข้าทำกำไรได้ตลอด 24 ชั่วโมง วันจันทร์ถึงวันศุกร์
- การเทรดระยะสั้นมีกลยุทธ์ให้เลือกใช้หลากหลายวิธี และสามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกได้ เช่น การมีข่าวแรง ๆ แล้วเกิดการความผันผวนของราคาที่สูงเกินไป
- เหมาะกับเทรดเดอร์ทุกระดับที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ในระยะเวลาอันสั้น
- ประหยัดต้นทุนจากการถือทองคำเกิน 1 วันเนื่องจากไม่ต้องเสียค่าสวอปสำหรับ Scalping และ Day traders
- ช่วยฝึกฝนให้เทรดเดอร์มีจิตใจที่แข็งแกร่ง แม้สถานการณ์จะมีความผันผวนเกิดขึ้นก็ไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้
กลยุทธ์การเทรดทองคำระยะสั้น
สิ่งที่สำคัญในกลยุทธ์การซื้อขายไม่มีอะไรมากกว่าไปการที่สามารถระบุจุดเปืดคำสั่งซื้อและปิดคำสั่งขายที่ทำให้นักลงทุนได้กำไรมากที่สุด กลยุทธ์การเทรดระยะสั้นส่วนมากจะอาศัยการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มี indicator มากมายมาเป็นตัวช่วยในการค้นหาตำแหน่งเปิดปิดคำสั่งซื้อขาย และกลยุทธ์การเทรดทองคำระยะสั้นที่ได้รับความนิยมสูงมี 4 กลยุทธ์ดังต่อไปนี้
Momentum trading
- เป็นการซื้อขายทองคำตามแนวโน้มหลักที่กำลังเกิดขึ้นกับตลาดในปัจจุบัน
- หาโอกาสทำกำไรด้วยการเข้าซื้อในช่วงที่ตลาดกำลังขึ้นและขายในช่วงที่ตลาดกำลังลงเพื่อเพิ่มความแรงของราคาตลาด โดยที่จุดซื้อขายไม่ใช่จุดสูงสุดและต่ำสุดของเทรน
- สิ่งสำคัญต้องใช้เครื่องมือบริหารความเสี่ยงและตั้งออเดอร์ Stop Loss อยู่เสมอ
- Indicator ที่เหมาะสำหรับกลยุทธ์การเทรดประเภท Momentum trading ก็คือ Moving averages (MAs)
Range trading
- เป็นกลยุทธ์การเทรดทองคำระยะสั้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
- เป็นการหาแนวรับและแนวต้านที่ใช้ระบุจุดซื้อขายเพื่อทำกำไรภายในแนวรับและแนวต้านนี้ เทรดเดอร์มักจะเปิดสถานะซื้อที่ตำแหน่งแนวรับและปิดคำสั่งขายแบบอัตโนมัติที่แนวต้านเพื่อให้ได้กำไรตามเป้า
- เป็นกลยุทธ์ที่ไม่ต้องทำการเฝ้าการเคลื่อนไหวของกราฟ
- สามารถใช้ Indicator ได้หลายตัว เช่น Stochastic Oscillator หรือ Relative Strength Index (RSI) เพื่อใช้สำหรับค้นหาสัญญาณของราคาที่มีการซื้อมากเกินไปและสัญญาณของราคาที่มีการขายมากเกินไป
- ใช้ Indicator ที่ชื่อว่า Bollinger band เพื่อใช้ดูตำแหน่งปิดคำสั่งขาย
Breakout trading
- เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะกับ Day traders หรือ Swing traders
- เป็นกลยุทธ์ที่ค่อนข้างง่ายและไม่ซับซ้อนด้วยการหาแนวรับและแนวต้านของเทรนใหม่ประกอบกับดูปริมาณการซื้อขายที่กำลังเกิดขึ้นนั้นมากพอที่จะทะลุแนวรับและแนวต้านจนเกิดเป็นเทรนใหม่ได้หรือไม่ จากนั้นก็เปิดปิดคำสั่งซื้อขายแบบอัตโนมัติตามแนวรับ-แนวต้านของเทรนใหม่นั่นเอง
- Indicator ที่ใช้ในการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย อย่างเช่น money flow index (MFI) , on-balance volume และ Volume-Weighted Moving Average
Reversal trading
- เป็นกลยุทธ์ที่ใช้กับช่วงที่เกิดการเปลี่ยนเทรนของตลาด สามารถใช้ได้ทั้งตลาดกระทิงและตลาดหมี
- การกลับตัวสู่ตลาดกระทิงแสดงให้เห็นว่าเทรนของตลาดกำลังเป็นขาขึ้น และการกลับตัวสู่ตลาดหมีก็แสดงให้เห็นว่าเทรดของตลาดกำลังเข้าสู่ขาลง เป็นการทำกำไรจากจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดของราคา
- Indicator ที่ใช้ Fibonacci retracement เพื่อดูแนวรับและแนวต้านของราคาที่มีโอกาสจะกลับตัว
การเตรียมพร้อมก่อนเริ่มการเทรดทองคำระยะสั้น
ก่อนที่จะนำกลยุทธ์การเทรดทองคำระยะสั้นแต่ละประเภทไปใช้นั้น นักลงทุนมือใหม่ควรจะมีการเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มการลงทุนดังต่อไปนี้
- สิ่งสำคัญในการเทรดทองระยะสั้นก็คือ การเลือกโบรกเกอร์และประเภทบัญชีในการเทรด เพราะว่าค่าสเปรดคือต้นทุนที่เทรดเดอร์ต้องจ่ายเสมอ ควรเลือกโบรกเกอร์และบัญชีที่มีค่าสเปรดต่ำมากที่สุด
- ประเภทบัญชีที่เหมาะกับการเทรดแบบ Scalping ก็คือ ECN และ Standard ส่วนบัญชีที่เหมาะกับการเทรดแบบ Day traders และ Swing traders ก็คือ Standard, Micro หรือ Cent
- ศึกษาต้นทุนในการเทรดแต่ละครั้งสำหรับต้นทุนการเทรดทองคำระยะสั้นจะประกอบด้วย ค่าสเปรด, ค่าสวอป และค่าคอมมิชชั่น รวมไปถึงค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ในการฝากถอนเงินด้วย
- มือใหม่หัดเทรดควรเริ่มจากการใช้บัญชีทดลองเพื่อศึกษาแนวทางการเทรด จากนั้นค่อยเปลี่ยนเป็นบัญชีเทรดประเภท Cent หรือ Micro เนื่องจากสามารถเทรดในปริมาณน้อยได้มีความเสี่ยงต่ำ
- มีการวางแผนและบันทึกผลการเทรดในแต่ละครั้ง เพื่อนำมาแก้ไขและพัฒนาการเทรดให้ดีขึ้น ช่วยสร้างความมั่นใจและเพิ่มโอกาสการเติบโตของพอร์ต
- เทรดเฉพาะเมื่อมีสัญญาณที่ชัดเจนเท่านั้น การเทรดระยะสั้นจะมีสัญญาณหลอกเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ ดังนั้นหากทำการวิเคราะห์แล้วไม่มีความไม่แน่ใจในสัญญาณไม่ควรเทรด ควรรอสัญญาณที่แน่ใจเสียก่อน
- ต้องมีการจัดการบริหารความเสี่ยงในการเทรดทุกครั้ง โดยควบคุมให้อยู่ในความเสี่ยงที่นักลงทุนรับได้และรู้สึกว่าคุ้มค่าที่จะเสี่ยง หากรู้สึกว่าไม่คุ้มก็ไม่ควรเสี่ยง การเทรดระยะสั้นมีโอกาสพลาดสูงแล้วจะส่งผลต่อความมั่นใจและการเติบโตของพอร์ต
- สำหรับมือใหม่ควรหลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงที่มีข่าวสำคัญ เพราะว่าจะเกิดความผันผวนที่สูงของราคา โดยเฉพาะการเทรดระยะสั้นที่มีไทม์เฟรมขนาดเล็ก
- เลือกประเภทการเทรดระยะสั้นที่เหมาะสมกับตนเอง และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์การเทรดของตนเองอย่างเคร่งครัด อย่างเช่น เมื่อเลือกเป็น Day traders ก็ไม่ควรมีการเปิดออเดอร์ข้ามคืนเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายตามข้อกำหนดของโบรกเกอร์
- เลือกกลยุทธ์การเทรดระยะสั้นที่เหมาะสมกับตนเองเพื่อที่จะสามารถเลือกใช้ Indicator ที่เหมาะสมกับกลยุทธ์ในการเทรดแต่ละครั้ง
- เลือกไทม์เฟรมที่เหมาะสม สำหรับไทม์เฟรมการเทรดระยะสั้นจะอยู่ที่ M15-H4 ก็คือ 15 นาทีถึง 4 ชั่วโมง ไทม์เฟรมควรสั้นน้อยที่สุดควรไม่น้อยกว่า M15 เนื่องจากการไทม์เฟรมให้การแสดงผลที่แตกต่างกันมากพอสมควร ดังนั้นควรปรับตามความเหมาะสม
- มีการบริหารเงินทุนถือว่าเป็นสิ่งสำคัญต่อพอร์ตที่มีสุขภาพดี เทรดเดอร์ที่มีการเทรดระยะสั้นจะต้องมีการเปิดปิดออเดอร์อยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นการบริหารเงินทุนจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพื่อป้องกันพอร์ตแตกหรือพอร์ตถูกล้าง
บทสรุปกลยุทธ์การเทรดทองคำระยะสั้น
สำหรับกลยุทธ์การเทรดทองคำระยะสั้นที่ได้นำมานำเสนอในบทความนี้นั้นเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมสูงจากเหล่าเทรดเดอร์ทั่วโลก แต่ละกลยุทธ์มีความเหมาะสมในการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป จึงเป็นหน้าที่ของเทรดเดอร์ที่จะต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมและลงมือทำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดเข้าใจในการใช้งานเครื่องมือต่าง ๆ จนค้นพบสไตล์การเทรดที่เหมาะสมกับตนเอง และเป็นทักษะที่วิเคราะห์หาผลกำไรจากการเทรดในรูปแบบต่าง ๆ สร้างกำไรให้พอร์ตเติบโตได้อย่างมั่นคง