การใช้เลเวอร์เลจ (Leverage) ในการเทรด XAUUSD

เพื่อเพิ่มทุนที่สร้างโอกาสทำกำไรได้เพิ่มมากขึ้น

เป้าหมายของการใช้เลเวอร์เลจ (Leverage) ในการเทรด XAUUSD ก็เพื่อเพิ่มทุนที่สร้างโอกาสทำกำไรได้เพิ่มมากขึ้น โดยเลเวอร์เลจจะทำหน้าที่ขยายเงินทุนของเทรดเดอร์ที่มีอยู่ให้สามารถเทรดทองคำในปริมาณที่มากขึ้นได้ ดังนั้นการบริหารความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งที่สำคัญในใช้เลเวอร์เลจเทรดทองคำอย่างไรให้ปลอดภัย

เลเวอร์เลจ (Leverage) คืออะไร

คือการยืมเงินทุนจากโบรกเกอร์เพื่อเพิ่มเงินทุนในการซื้อขายทองคำได้มากยิ่งขึ้นโดยมีการวางเงินประกันทุนบางส่วน เช่น การเทรด XAUUSD ด้วยเงินทุน 2,000 ดอลลาร์ จะออกล็อตเทรดได้ 0.01 ล็อต แต่ถ้าใช้เลเวอร์เลจ 1:100 เงินทุนจะเพิ่มเป็น 200,000 ดอลลาร์ ขนาดล็อตเพิ่มเป็น 1 ล็อต ทำกำไรเพิ่มขึ้นได้อีกถึง 100 เท่า

จะเห็นได้ว่าแค่เงินฝากในบัญชีเทรดเพียงเล็กน้อย ก็สามารถเทรดทองคำด้วยเงินหลักหมื่นหรือหลักแสนดอลลาร์ได้ เป็นโอกาสที่จะได้ทำกำไรเพิ่มขึ้นโดยที่ไม่ต้องมีเงินทุนเริ่มต้นที่สูง

ความหมายของ เลเวอร์เลจ (Leverage) เป็นการยืมเงินทุนจากโบรกเกอร์เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการซื้อขายทองคำได้เพิ่มขึ้นโดยมีการวางมาร์จินเป็นหลักประกัน

การใช้อัตราส่วนของเลเวอร์เรจ

ในการเปิดบัญชีเทรดกับโบรกเกอร์ต่าง ๆ เทรดเดอร์คงจะเคยผ่านตากับคำว่า เลเวอร์เรจสูงสุด 1:1,000 เพื่อให้เข้าใจความหมายของอัตราส่วนของเลเวอร์เรจได้ชัดเจน จะขออธิบายความหมายของตัวเลขอัตราส่วนดังนี้

  • ตัวเลขด้านหน้าของอัตราส่วนของเลเวอร์เลจ คือ มาร์จิน หมายถึง เงินฝากขั้นต่ำที่เทรดเดอร์ต้องฝากไปยังบัญชีเทรดเพื่อเปิดสถานะให้สามารถใช้เลเวอร์เรจได้ หน้าที่ของมาร์จินเพื่อเป็นหลักประกันว่าเทรดเดอร์มีเงินทุนเพียงพอครอบคลุมการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นได้ คือ
  • ตัวเลขด้านหลังของอัตราส่วนของเลเวอร์เลจ คือ เลเวอร์เรจ (Leverage) ตัวเลขที่บอกจำนวนเท่าของมาร์จินที่เทรดเดอร์ใช้คูณกับมาร์จินเพื่อใช้ขยายขนาดทุนในการเปิดออเดอร์เทรดตามที่ปริมาณล็อตต้องการได้
  • ตัวอย่างเช่น อัตราส่วน 1:10 หมายความว่าใช้มาร์จินแค่เพียง 10% ก็สามารถเปิดออเดอร์ด้วยอัตราส่วนเลเวอร์เรจนี้ได้ หากต้องการเปิดออเดอร์ที่มีมูลค่า 10,000 ดอลลาร์ต้องมีมาร์จินฝากในบัญชีเทรดอย่างน้อย 1,000 ดอลลาร์
  • อัตราส่วนเลเวอร์เลจ 1:1 ถือว่าไม่มีการใช้เลเวอร์เรจ เนื่องจากเป็นการใช้เงินทุนจากเทรดเดอร์ทั้งหมดโดยไม่มีการยืมเงินจากโบรกเกอร์

ตารางแสดงอัตราส่วนเลเวอร์เรจระดับต่าง ๆ กับเปอร์เซ็นต์มาร์จินที่ใช้ในการเปิดออเดอร์

เพื่อให้ได้มูลค่าของเงินทุนที่ต้องการ

เปรียบเทียบการเทรดแบบใช้และไม่ใช้เลเวอร์เลจ (Leverage)

เพื่อให้เทรดเดอร์เห็นภาพความแตกต่างระหว่างการใช้เลเวอเรจและการไม่ใช้เลเวอร์เรจนั้นเป็นอย่างไร และเเพื่อแนวทางในการตัดสินใจว่าควรเลเวอร์เรจหรือไม่ ขอแสดงตารางเปรียบเทียบดังต่อไปนี้

เป็นการเปรียบเทียบนิยาม, ผลตอบแทน, ความเสี่ยง, การใช้เงินทุน, ประเภทการเทรดที่เหมาะสมและตัวอย่างเบื้องต้นในการเทรดแบบใช้และไม่ใช้เลเวอร์เลจ (Leverage)

ประโยชน์ของการใช้เลเวอร์เลจ (Leverage)

  • เป็นทางลัดในการเพิ่มทุนเทรดทองคำที่รวดเร็วที่สุด และใช้เงินทุนไม่สูงอยู่ในระดับที่เทรดเดอร์ทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้
  • มีโอกาสในการทำกำไรมากกว่าหากเทียบกับการไม่ใช้เลเวอร์เรจหรือการลงทุนแบบดั้งเดิม
  • สามารถออกล็อตในการซื้อขายทองคำที่มีปริมาณมากขึ้นได้จากจำนวนเงินทุนที่เท่ากัน
  • เป็นการเพิ่มจำนวนออเดอร์ที่เปิดเพิ่มได้หากการออกล็อตในแต่ลออเดอร์ใช้มาร์จินที่ไม่มากเกินไป

ข้อควรระวังของการใช้เลเวอร์เลจ (Leverage)

การเลือกใช้เลเวอร์เรจในอัตราส่วนต่าง ๆ นั้นเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ต้องให้ความสำคัญอย่างมาก ถึงแม้ว่าเลเวอร์เรจจะขยายผลกำไรได้มากแต่ก็สามารถขยายผลขาดทุนได้มากเช่นกัน ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นดังต่อไปนี้

  • ขยายการขาดทุนให้มากขึ้นได้
    • นอกจากเลเวอร์เรจจะใช้ขยายทุนเพื่อสร้างกำไรที่มากขึ้นแล้ว หากเทรดเดอร์เลือกลงทุนในส่วนเทรนด์กับตลาด ก็จะส่งผลให้เกิดการขาดทุนในจำนวนเงินที่ขยายตามเลเวอร์เรจที่เลือกใช้ได้เช่นกัน
    • ตัวอย่าง เลือกใช้เลเวอร์เรจ 1:100 จากมาร์จินหรือเงินทุน 1,000 ดอลลาร์ที่เปิดสถานะออเดอร์ 100,00 ดอลลาร์ หากขาดทุนที่ 0.5% หมายความว่าขาดทุน 500 ดอลลาร์ ซึ่งทำให้เงินทุนหายไปเกือบครึ่ง
  • ถูกเรียกหลักประกันเพิ่ม หรือ Margin Call
    • จากตัวอย่างที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าเงินทุนในพอร์ตเหลือแค่เพียง 500 ดอลลาร์ แต่ในการเปิดสถานะออเดอร์ด้วยเลเวอร์เรจ 1:100 จะต้องมีเงินประกันที่ 1,000 ดอลลาร์ ซึ่งทางโบรกเกอร์จะทำการเรียกเงินประกันเพิ่มเพือรักษาสถานะที่เปิดอยู่
    • ถ้าหากไม่มีเงินทุนพอในการเพิ่มเงินประกันออเดอร์ที่เปิดไว้ก็จะถูกปิดออเดอร์ในที่สุด ซึ่งเป็นการเสียโอกาสในการทำกำไรที่อาจจะเกิดขึ้นในเวลาต่อมาได้
  • ความผันผวนของตลาด ยิ่งเลือกใช้อัตราส่วนเลเวอร์เรจที่สูงความผันผวนของตลาดก็จะยิ่งมีผลมาก ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะนำไปสู่การล้างพอร์ตได้
  • ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเพิ่ม ซึ่งเป็นดอกเบี้ยที่เกิดจากการใช้เลเวอร์เรจและจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นหากมีการเปิดสถานะข้ามคืน หรือที่เรียกว่า ค่าสวอป
  • การใช้ความมั่นใจและอารมณ์ในทางที่ผิด กำไรที่เกิดจากการใช้เลเวอร์เรจอาจจะทำให้เทรดเดอร์ใช้ความมั่นใจในทางที่ผิดจนเกิดการขาดทุน แล้วทำให้เกิดอารมณ์แค้นอยากจะเอาคืนซึ่งส่งผลเสียภายหลังได้

หลักเกณฑ์การพิจารณาในการใช้เลเวอร์เลจ (Leverage)

สำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์จะเข้าใจถึงความเสี่ยงในการใช้เลเวอร์เรจที่จะเกิดขึ้นว่าสามารถทำกำไรสูงได้แต่ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสโดนล้างพอร์ตได้เช่นกัน เพื่อความปลอดภัยสำหรับมือใหม่หัดเทรดควรมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาว่าควรใช้เลเวอร์เลจในการเทรดหรือไม่ ดังนี้

  • การยอมรับความเสี่ยง ทองคำเป็นตลาดที่มีความผันผวนสูงโดยเฉพาะเทรดเดอร์ที่เทรดระยะสั้น (Scalping) การใช้เลเวอร์เรจที่มีอัตราส่วนที่สูงนั้นถือว่ามีความเสี่ยงสูงมากซึ่งควรหลีกเลี่ยง ควรเลือกเลเวอเรจที่มีเงินทุนจริงครอบคลุมจะดีกว่า
  • ควรมีประสบการณ์ในการเทรดมาก่อน สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ที่ยังไม่เข้าใจความหมายของเลเวอร์เรจอย่างแท้จริงควรหลีกเลี่ยงการใช้เลเวอร์เรจ หรือฝึกใช้เลเวอร์เรจผ่านบัญชีทดลองก่อนจะช่วยเพิ่มความเข้าใจได้ดี
  • สภาวะของตลาด การเทรดทองคำแบบ Scalping ถือว่ามีความเสี่ยงสูงเนื่องจากตลาดมีความผันผวนมากหากไม่มีประสบการณ์ในการเทรดควรหลีกเลี่ยง หากเลือกเทรดแบบระยะยาวก็สามารถเลือกใช้เลเวอร์เรจในระดับที่ยอมรับความเสี่ยงได้

เทคนิคการเลือกใช้เลเวอร์เลจอย่างไรให้ปลอดภัย

สูตรคำนวณหา Lot size ที่เหมาะสมกับมาร์จิน

สูตรการหา Lot size ที่ปลอดภัยตามเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงและเงินทุนจริงที่เทรดเดอร์ต้องการ

  • ตัวอย่างการคำนวณหา Lot size ที่เหมาะสมกับขนาดของเงินทุนหรือมาร์จิน
    • กำหนด Margin เป็น 100 ดอลลาร์ โดยจะเป็นเงินทุนตั้งต้นในการหา Leverage ที่เหมาะสมต่อไป
    • กำหนด Stop Loss เป็น 5 pips
    • กำหนด %Risk เป็น 5%
    • Pip Value ของทองคำจากโบรกเกอร์ XM อยู่ที่ 10 ดอลลาร์
    • เมื่อแทนค่าตัวเลขตามสูตรพบว่า Lot size ที่ได้คือ 0.1 Lot

การคำนวณหา Pip Value จากโบรกเกอร์ XM

สูตรคำนวณหา Leverage ที่เหมาะสมกับมาร์จิน

สูตรคำนวณหา Leverage ที่เหมาะสมกับมาร์จินและ Lot size ที่ได้จากสูตรก่อนหน้า

  • ตัวอย่างการคำนวณหา Leverage ที่เหมาะสมกับขนาดของเงินทุนหรือมาร์จิน
    • กำหนด Margin เป็น 100 ดอลลาร์
    • กำหนด ราคาทองคำที่ได้ เป็น 2,333.02/1,000 = 2.33302
    • กำหนด Lot size เป็น 0.1X100,000 = 10,000
    • เมื่อแทนค่าตัวเลขตามสูตรพบว่า Leverage ที่ได้คือ 233.302 หรือประมาณ 1:200

การบริหารความเสี่ยงจากการใช้เลเวอร์เลจ (Leverage)

หากเทรดเดอร์มือใหม่ต้องที่จะใช้เลเวอร์เลจในการเทรดทองคำ สิ่งสำคัญที่ต้องคำนวณถึงก็คือ การบริหารความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นตัวช่วยป้องกันให้เทรดเดอร์ไม่ต้องเจอกับประสบการณ์ล้างพอร์ตที่คาดไม่ถึงได้

  • มีการกำหนดจุด Stop Loss เป็นการกำหนดจุดปิดออเดอร์อัตโนมัติ เพื่อกำหนดความสูญเสียที่เทรดเดอร์รับได้ จากตัวอย่างการคำนวณหา Lot size ที่ปลอดภัยมีการกำหนดจุด Stop Loss ที่ 5 Pips และกำหนดความเสี่ยงไว้ที่ 5% ด้วยเงินทุนที่ 100 ดอลลาร์ทำให้มี Lot size ที่ 0.1 Lot
  • กำหนดจุด Take Profit หรือจุดทำกำไรให้มีการปิดออเดอร์อัตโนมัติเมื่อทองคำวิ่งไปถึงจุดทำกำไรที่ต้องการ
  • กำหนดขนาด Lot size ที่เหมาะสมกับเงินทุนของเทรดเดอร์เพื่อไม่ให้เกิดการเทรดที่ปริมาณมากเกินไป
  • กระจายความเสี่ยง เช่น การวางแผนในการเทรด 10 ออเดอร์ต่อวัน ให้มีค่า Risk Reward Ratio ที่ 1:2 หรือ 1:3 โดยวางแผนจำนวนออเดอร์ที่สามารถเทรดเสียได้มากที่สุดอาจจะเป็น 5 ออเดอร็ต่อวันและจำนวนออเดอร์ที่ทำกำไรได้อาจจะเป็น 5 ออเดอร์ต่อวัน
  • มีการติดตามและปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับตลาดอยู่เสมอ เช่น การกำหนดจุด Stop Loss และ Take Profit ที่เหมาะสมกับราคาตลาด
  • ศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ ติดตามข่าวสารและกลยุทธ์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพื่อช่วยให้เทรดเดอร์สามารถใช้ข้อมูลตัดสินใจและคาดการณ์ได้ทันตลาดอยู่เสมอ

การฝึกใช้เลเวอร์เรจก่อนเทรดจริง

การใช้เลเวอร์เรจถือว่าเป็นทางลัดในการสร้างกำไรก้อนโตโดยที่ใช้เงินทุนเพียงเล็กน้อย จะเห็นได้จากการใช้เลเวอร์เรจ 1:1,000 หากต้องการเปิดออเดอร์ทุน 10,000 ดอลลาร์ใช้มาร์จินแค่เพียง 10 ดอลลาร์ แต่อย่างไรก็ตามการใช้อัตราส่วนนี้มีความเสี่ยงสูงมากสำหรับมือใหม่ ดังนั้นควรมีวิธีการเตรียมตัวดังต่อไปนี้

  • เริ่มทดลองการใช้เลเวอร์เรจผ่านบัญชีทดลองก่อน เพื่อหาเลเวอร์เรจที่เหมาะสมกับเงินทุนของเทรดเดอร์
  • เริ่มเทรดจริงด้วยบัญชีเทรดประเภท Micro หรือ Cent เนื่องจากมีการใช้เงินทุนที่ไม่สูงและสามารถออกออเดอร์ในปริมาณที่ไม่ใหญ่เกินไป เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
  • เริ่มต้นทุนเทรดด้วยการฝากเงินขั้นต่ำก่อน หรือเป็นจำนวนเงินทุนที่เทรดเดอร์ยอมรับได้
  • เลือกโบรกเกอร์ที่มีเงินฝากขั้นต่ำด้วยทุนที่ไม่สูงมากนัก เช่น ฝากขั้นต่ำที่ 10 ดอลลาร์ หรือไม่เกิน 50 ดอลลาร์
  • เลือกโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือและมีการควบคุมการใช้เลเวอร์เรจอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับเทรดเดอร์มือใหม่

บทสรุป

การใช้เลเวอร์เลจ (Leverage) ในการเทรด XAUUSD ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีมากสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์และไม่ต้องการใช้เงินทุนสูง แต่ในขณะเดียวกันต้องมีการบริหารความเสี่ยง ด้วยการกำหนดจุด Stop Los, Take Profit และการกำหนด Lot size ที่เหมาะสมกับเงินทุนที่แท้จริง เป็นตัวช่วยป้องกันการล้างพอร์ตที่เทรดเดอร์มืออาชีพนิยมใช้