การขึ้นลงของราคาทองคำนอกจากจะได้รับอิทธิพลจากข่าวเศรษฐกิจแล้ว อิทธิพลของข่าวสงครามก็ส่งผลต่อราคาทองคำเช่นกัน โดยเฉพาะข่าวสงครามที่มีแนวโน้มสูงที่จะทำให้เกิดสงครามโลก เนื่องจากผลกระทบของสงครามมักจะส่งผลลบเป็นวงกว้างต่อเศรษฐกิจ ทองคำถูกจัดเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ใช้เป็นหลุมหลบภัยจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ดีที่สุด
สถิติราคาทองคำกับสงคราม
เพื่อให้นักลงทุนได้มองเห็นภาพอิทธิพลของข่าวสงครามที่ส่งผลต่อราคาทองคำได้ชัดเจนมากขึ้น อยากให้ลองมองย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2000 ถึง 2023 จะพบว่ามีสงครามที่เกี่ยวข้องกับภูมิศาสตร์ที่มีความเสี่ยงที่จะขยายตัวเป็นสงครามโลกถึง 3 ครั้ง ซึ่งมีสงครามดังต่อไปนี้
- สงครามแยกไครเมีย ปี 2014 ซึ่งเป็นความขัดแย้งระหว่างชาติตะวันตกกับรัสเซียในกรณีการแยกไครเมียออกจากยูเครน และเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามยูเครนกับรัสเซีย
- สงครามสหรัฐฯสังหารทหารอิหร่าน ปี 2020 ได้เกิดสงครามระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่านเนื่องจากได้มีการสังหารทหารอิหร่านที่มีความเชื่อว่าเป็นผู้เบื้องหลังการสังหารทหารสหรัฐฯในตะวันออกกลาง
- สงครามยูเครน-รัสเซีย ปี 2022 รัสเซียได้เปิดฉากสงครามกับชาติตะวันตกด้วยการส่งทหารหลักแสนเข้ามาถล่มยูเครน ทำให้ประเทศมหาอำนาจหลายประเทศเลือกคว่ำบาตรรัสเซีย
จากตารางเปรียบเทียบราคาทองคำด้านบนพบว่าราคาทองคำมีการพุ่งขึ้นทุกครั้งเมื่อเกิดสงครามโดยมีค่าเฉลี่ยอย่างต่ำที่ 3.5% และมักจะเป็นสงครามที่มีการขยายวงกว้างกับกลุ่มมประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก
และเมื่อข่าวสงครามที่กล่าวมาไม่มีการขยายตัวเกิดเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ก็พบว่าราคาทองคำได้ปรับตัวลดลง แต่ก็พบว่าค่าเฉลี่ยราคาทองคำยังสูงกว่าก่อนที่จะมีข่าวสงครามเกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนยังมีความกังวลอยู่ เนื่องจากข้อมูลที่อ้างอิงเป็นข้อมูลที่พบว่าไม่มีความเสี่ยงในการขยายตัวของสงครามเป็นเวลา 7 วัน
ราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงหลังจากพบว่าไม่มีการขยายตัวของสงครามอีกต่อไป
จากข้อมูลราคาทองคำที่ได้กล่าวมาข้างต้นได้สะท้อนให้เห็นว่าหากเกิดสงครามหรือมีข่าวสงครามที่มีแนวโน้มขยายวงกว้างจนสามารถเกิดเป็นสงครามโลกได้ก็จะสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนด้วยการเข้าซื้อขายทองคำ ซึ่งพบว่า Gold Spot มีราคาปรับตัวมากที่สุด รองลงมาเป็น Gold Futures และทองแท่ง 96.5% ตามลำดับ
จึงสรุปได้ว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Heaven) ในช่วงสงครามสำหรับนักลงทุนทั่วโลก
สงครามแบบไหนที่ส่งผลต่อราคาทองคำ
จากหัวข้อที่ผ่านมาจะพบว่าสงครามที่มีผลต่อราคาทองคำทั้ง 3 ครั้งนั้นเป็นสงครามที่เรียกว่า ภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ทั้งหมด ซึ่งจะเป็นสงครามเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ (มนุษย์และกายภาพ) ที่ส่งผลต่อการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และสงครามประเภทนี้มีโอกาสสูงที่จะขยายเป็นสงครามโลก
และซึ่งเป็นสงครามที่สร้างความกังวัลให้กับนักลงทุนมากที่สุด เนื่องจากสงครามโลกจะส่งผลกระทบมากมายโดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกที่จะเกิดภาวะถดถอย เกิดภาวะเงินเฟ้อ ที่ส่งผลรุนแรงต่อการลงทุนในระยะยาว
ผลกระทบของสงครามที่มีต่อการลงทุน
- เกิดภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวมีผลกระทบต่อการลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ โดยเฉพาะธุรกิจเกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก
- เกิดการหยุดจ้างงานในประเทศที่เกิดสงครามและส่งผลต่อ GDP ติดลบได้ส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
- อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากเกิดการขาดแคลนในทรัพยากรสำคัญ อย่างเช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ หรือโลหะที่ใช้ในการผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยี เกิดการขาดแคลนราคาปรับตัวสูงขึ้นและที่สำคัญอาจหาแหล่งทดแทนไม่ได้ นอกจากนี้รวมไปถึงปัจจัยพื้นฐานด้วย
- สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนจนเกิดการเทขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงอย่างเช่น หุ้นต่าง ๆ เพื่อนำเงินมาลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยอย่างทองคำจนเกิดความผันผวนในตลาดการลงทุนทั่วโลก
- เม็ดเงินการลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ ลดลงเนื่องจากนักลงทุนต้องการลดความเสี่ยงที่จะเกิดจากสงคราม และเลือกลงทุนกับสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยอย่าง ทองคำ, พันธบัตรรัฐบาล และค่าเงิน เป็นต้น
- ส่งผลเสียในระยะยาวต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของอัตราเงินเฟ้อเมื่อจบสงครามแล้ว เป็นหน้าที่ของรัฐบาลแต่ละประเทศต้องมาวางแผนปรับกลยุทธ์เพื่อลดปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งส่งผลทั้งบวกและลบต่อสินทรัพย์ในการลงทุน
ทำไมราคาทองคำพุ่งเมื่อมีข่าวสงคราม
ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าในตัวเสมอ เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เมื่อเทียบกับเงินสดมูลค่าไม่ลดน้อยลง น่าเชื่อถือจับต้องได้ ปลอดภัยมีความเสี่ยงต่ำ และที่สำคัญเอาชนะเงินเฟ้อได้
- นักลงทุนทั่วโลกต่างเชื่อว่า ทองคำมีมูลค่าในตัวเองเสมอ ถึงแม้ว่าราคาทองคำจะมีขึ้นลงตามสถานการณ์โลกแต่มูลค่าที่แท้จริงของทองคำกลับไม่เคยลดลง เนื่องจากมีปริมาณที่จำกัดและผลิตยาก
- เป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในระดับสากลสามารถแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินใด ๆ ก็ได้ มีความน่าเชื่อถือสูง
- เมื่อเทียบกับเงินสดที่มูลค่าจะลดลงเมื่อต้องเจอกับภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงแต่ทองคำมูลค่าไม่ลดน้อยลง จึงเหมาะแก่การสะสมเพื่อทำกำไรระยะยาว อีกทั้งให้ผลตอบแทนสูง
- เป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้สามารถจัดเก็บได้หลายรูปแบบ ทั้งทองคำแท่ง, ทองรูปประพรรณ, กองทุนหรือหุ้น
- เป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมีความเสี่ยงต่ำสามารถรักษามูลค่าและความมั่นคงไว้ได้มากที่สุด
- การเกิดสงครามส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงได้ และมีแค่เพียงทองคำเท่านั้นที่มีมูลค่าเอาชนะเงินเฟ้อได้
สินทรัพย์ปลอดภัยคืออะไร
5 สินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนเลือกลงทุนในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมีความผันผวนหรือถดถอย เนื่องจากรักษามูลค่าของเงินทุนหรือเพิ่มมูลค่า ได้แก่ ทองคำ, พันธบัตรรัฐบาล, หุ้นปลอดภัย, เงินสดและสกุลเงินใหญ่อย่างสกุลเงินฟรังของสวิสเซอร์แลนด์
สำหรับความหมายของสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Heaven) เป็นสินทรัพย์ที่ลงทุนแล้วสามารถรักษามูลค่าของเงินต้นหรือเพิ่มมูลค่าในช่วงเวลาที่เกิดภาวะความผันผวนของเศรษฐกิจ และลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียมูลค่าของทรัพย์สินในกรณีที่เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจต่ำตกได้
สินทรัพย์ปลอดภัยมีอะไรบ้าง
- ทองคำ
- เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ได้รับคามนิยมสูง เพราะสามารถจัดเก็บได้หลากหลายรูปแบบ
- เป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงกว่าเงินสดหรือสินทรัพย์ประเภทอื่นในระยะยาว
- เป็นหลักประกันที่จับต้องได้ในฐานะของทุนสำรองของธนาคารกลางแต่ละประเทศ
- พันธบัตรรัฐบาล
- เป็นตราสารหนี้ที่มีความปลอดภัยและมีความน่าเชื่อถือสูงเนื่องจากออกโดยรัฐบาลของแต่ละประเทศ
- รักษามูลค่าของเงินต้นได้เมื่อถึงกำหนดที่รัฐบาลจะเป็นผู้จ่ายคืน
- มีผลตอบแทนที่แน่นอนแต่อยู่ในระดับต่ำแต่มีความปลอดภัยสูง
- หุ้นปลอดภัย (Defensive Stock)
- เป็นหุ้นพื้นฐานที่มีความแข็งแกร่งทนทานต่อทุกภาวะเศรษฐกิจ
- มีความเสี่ยงต่ำ
- มีผลตอบแทนไม่สูงและการเติบโตไม่หวือหวา
- มักจะเป็นหุ้นพื้นฐาน เช่น หุ้นประปา, หุ้นไฟฟ้า, หุ้นโรงพยาบาล หรือสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น
- หุ้นปันผลระยะยาวที่มีประวัติการให้ผลตอบแทนต่อเนื่องอย่างน้อย 15 ปีขึ้นไป
- เงินสด
- ถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยในทุกช่วงเศรษฐกิจได้เช่นกัน
- เป็นที่ยอมรับถึงแม้ว่าจะมีมูลค่าลดลงตามอัตราเงินเฟ้อก็ตาม
- นำกลับไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นได้หลังเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะปกติ
- สกุลเงินใหญ่
- เลือกถือเงินสดที่เป็นสกุลสวิสฟรัง Swiss Franc เป็นสกุลเงินที่ปลอดภัยช่วยป้องกันความผันผวนของค่าเงินได้
- เลือกสกุลเงินที่รัฐบาลมีเสถียรภาพสูงอย่างรัฐบาลสวิสเซอร์แลนด์ที่มีระบบการเงินที่แข็งแรง และมีตัวเลขดุลการค้าที่เป็นบวกเสมอ
มีความเป็นอิสระจากสหภาพยุโรปจนต้านทานอิทธิพลทางการเมืองและภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำได้
ข้อดีของการมีสินทรัพย์ปลอดภัยในพอร์ตลงทุน
- เป็นสินทรัพย์มีความผันผวนต่ำเป็นที่ต้องการของตลาดเสมอ
- สินทรัพย์ปลอดภัยแต่ละประเภทจัดได้ว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำ เป็นหลุมหลบภัยจากความผันผวนที่เกิดจากภาวะวิกฤตต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
- ทองคำ และสกุลเงินใหญ่ สามารถแปลงเป็นเงินสดที่ต้องการได้อยู่เสมอ เนื่องจากเป็นที่ต้องการของตลาด
- มูลค่าเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ
- มีมูลค่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแม้ว่าบางสินทรัพย์การเพิ่มมูลค่าจะไม่รวดเร็ว แต่ก็มูลค่ามากกว่าอัตราเงินเฟ้อได้อย่างเช่น ทองคำ
- เป็นสินทรัพย์ที่สามารถรักษาความมั่นคงในระยะยาว
- ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าและแน่นอน
- สร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนแก่นักลงทุนได้ว่ามีผลตอบแทนที่แน่นอน
- เป็นสินทรัพย์ให้ผลตอบแทนทำกำไรได้อย่างเป็นรูปธรรม
- เป็นที่ยอมรับในระดับสากลเหมาะกับการกระจายความเสี่ยง
- เป็นสินทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับจากนักลงทุนและเป็นกลุ่มแรกที่ถูกเลือกลงทุน
- มีความเสี่ยงต่ำเหมาะจะที่จะเป็นสินทรัพย์ในการกระจายความเสี่ยง
- มีสภาพคล่องสูงเปลี่ยนเป็นการลงทุนแบบอื่นได้ง่าย
- สามารถแปลงสินทรัพย์ปลอดภัยเป็นทุนไปลงทุนในหุ้นที่มีอนาคตและราคาถูกในช่วงสงครามได้
- เป็นโอกาสที่จะได้สร้างกำไรและผลตอบแทนที่สูงในช่วงที่มีวิกฤตจากสงครามหรือข่าวสงคราม
เหตุผลที่ราคาทองคำไม่แปรผกผันกับเงินดอลลาร์
จากการพุ่งตัวอย่างต่อเนื่องของราคาทองคำ ไม่ว่าข่าวสงครามจะส่งผลบวกหรือลบต่อเงินดอลลาร์ แต่กลับพบว่าส่งผลต่อดีต่อราคาทองคำเสมอ ทำให้เกิดปรากฏการณ์ราคาทองคำไม่เกิดการแปรผกผันกับเงินดอลลาร์ดังที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลต่อไปนี้
- รัฐบาลสหรัฐฯเริ่มพิมพ์ธนบัตรใช้เองแบบไม่มีการค้ำด้วยทองคำตั้งแต่ปี 1971 จึงทำให้นักลงทุนทั้งหลายมองว่านี่คือจุดเริ่มต้นของการขาดเสถียรภาพในการมีวินัยทางการเงิน
- เกิดหนี้มหาศาลในช่วงโควิด-19 เนื่องเศรษฐกิจของสหรัฐในช่วงเวลานั้นถดถอยอย่างรุนแรง และแก้ปัญหาด้วยการพิมพ์เงินออกมาใช้อย่างมหาศาล ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อในระยะยาว
- รัฐบาลสหรัฐฯสร้างความเสี่ยงเปิดโอกาสให้มีสงครามโลกได้อยู่เสมอ ด้วยการมีข้อพิพาทกับประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น รัสเซีย, จีน, อิหร่าน หรือฮามาส จนธนาคารกลางทั่วโลกเลือกสำรองทองคำมากขึ้น
ที่กล่าวมาข้างต้นล้วนเป็นสาเหตุหลักที่นักลงทุนเลือกลงทุนในทองคำมากกว่าสกุลเงินดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นไร้อิทธิพลจากเงินดอลลาร์อีกต่อไป
เทคนิคการลงทุนในช่วงที่มีข่าวสงคราม
เทคนิคสำคัญในการลงทุนช่วงที่มีข่าวสงคราม ควรมีการวางแผนพร้อมพอร์ตที่ชัดเจน ประเมินความเสี่ยงและปรับพอร์ตให้เหมาะสม ติดตามข่าวสารเสมอ เลือกสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำติดพอร์ตไว้ และเตรียมใจให้พร้อมเสมอ
- มีการวางแผนออกแบบพอร์ตการลงทุนที่ชัดเจน
- ประเมินความเสี่ยงและปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับช่วงเวลา หรือมีการลงทุนแบบ DCA (Dollar Cost Averaging) อยู่เสมอเนื่องจากผลตอบแทนทบต้นมีเกณฑ์เฉลี่ยที่ดี
- ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด
- ควรมีสินทรัพย์ปลอดภัยในพอร์ตลงทุนอย่างเช่น ทองคำ, เงินสด หรือสกุลเงินใหญ่
- เตรียมพร้อมจิตใจให้ยอมรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้เสมอ
บทสรุป
- ความผันผวนของราคาทองคำในปัจจุบันจะพบว่าปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่งมาจากอิทธิพลของข่าวสงคราม
- ชี้ให้เห็นว่าทองคำยังเป็นสินทรัพย์หลบภัยที่มีความปลอดภัยสูงเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มสินทรัพย์เพื่อการลงทุนทั้งหมด
- คุณสมบัติที่โดดเด่นของทองคำคือมีมูลค่าในตัวเองและยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จนเป็นแหล่งเก็บทุนเย็นชั้นดีที่สามารถนำมาลงทุนช่วยสร้างกำไรได้อย่างมหาศาลในช่วงที่มีสงคราม