การเทรดทองคำในตลาด Forex ได้รับความนิยมสูงมากเนื่องจากรองรับเทรดเดอร์ได้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเทรดเดอร์มือใหม่หรือมืออาชีพ ไม่จำเป็นต้องมีทุนมากก็สร้างกำไรผ่านคู่สกุลเงินทองคำยอดนิยมอย่าง XAUUSD ได้ เทรดเดอร์สายงบน้อยไม่ควรพลาดบทความนี้มีแนวทางปั้นพอร์ตทองให้เติบโตแบบทุนไม่หายแถมได้กำไรก้อนโต
เทรดทองคำสายงบน้อยต้องรู้อะไรบ้าง
นอกจากความรู้เรื่องปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำและการวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญในการเทรดทองคำของสายทุนน้อย ก็คือ ต้นทุนในการเทรดแต่ละครั้งนั้นมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จะมาจากค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของโบรกเกอร์ที่เลือกใช้บริการนั่นเอง
เลือกโบรกเกอร์ยังไงให้ได้เปรียบ
- เป็นโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ มีใบอนุญาตถูกต้อง และให้บริการมามากกว่า 10 ปี
- มีค่าสเปรดที่ต่ำอยู่ระหว่าง 10-15 Pips ค่าคอมมิชชั่นและค่าสวอปที่ถูกหรือ Free Swap
- มีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีสามารถฝากถอนเงินได้ง่ายและรวดเร็ว ฟรีค่าธรรมเนียม
- มี Customer Support ตอบสนองรวดเร็วทำเป็นมืออาชีพ ให้บริการในช่วงที่ตรงความต้องการของเทรดเดอร์หรือบริการแบบ 24/5 รองรับภาษาไทยได้จะดีมาก
- มีระบบเทรดที่ดีน่าเชื่อถือ มีการส่งคำสั่งซื้อขายที่รวดเร็ว และมีแพลตฟอร์มทันสมัย
- มีโปรโมชั่นหรือโบนัสที่น่าสนใจ เช่น โบนัสเทรดฟรี ที่ช่วยเพิ่มเงินทุนของเทรดเดอร์
- มีเลเวอเรจที่ช่วยขยายกำลังเงินทุนของเทรดเดอร์ เพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้น
- มีบัญชีเทรดสำหรับสายทุนน้อย เช่น บัญชี Micro หรือ บัญชี Cent
- ยอดฝากเงินขั้นต่ำไม่สูง
- ดูข้อมูลการเลือกโบรกเกอร์ตามประเภทต่างๆ
การเลือกประเภทบัญชีเทรด
- ควรเลือกประเภทบัญชีเทรดที่สามารถออกล็อตขนาดเล็กได้อย่างบัญชี Micro หรือบัญชี Cent
- มีค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของบัญชีเทรดมีราคาที่ถูกหรือเทรดเดอร์ยอมรับได้
- มียอดฝากขั้นต่ำที่น้อยไม่ควรเกิน 100 ดอลลาร์
- ควรมีเลเวอเรจอย่างต่ำ 100 เท่า
ค่าธรรมเนียมในการเทรดทองคำ
- ค่าสเปรด เป็นค่าธรรมเนียมพื้นฐานที่โบรกเกอร์จะเรียกเก็บจากเทรดเดอร์
- ความแตกต่างของมูลค่าระหว่างราคาซื้อ(Ask Price) กับราคาขาย(Bid Price)
- สามารถดูค่าสเปรดผ่านหน้าต่าง Market Watch บนแพลตฟอร์ม MT4 หรือ MT5 ได้
ค่าสเปรดของ XAUUSD มีเกิดจากราคาซื้อที่อยู่ในช่อง Ask มีค่าเป็น 2388.55 ลบกับราคาขายที่อยู่ในช่องทาง Bid มีค่าเป็น 2388.35 เท่ากับ 20 Pips
- ค่าคอมมิชชั่น เป็นค่าธรรมเนียมที่เพิ่มเติมเข้ามาในการทำธุรกรรมการซื้อขายแต่ละครั้ง
- ค่าคอมมิชชั่นมักจะอยู่ในส่วนของค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมแยกไปตามประเภทบัญชีเทรด
- มักจะมีการคิดค่าคอมมิชชั่นกับบัญชีเทรดที่มีการซื้อขายจำนวนล็อตที่มาก
- คิดราคาตามจำนวนล็อตที่มีการซื้อขาย สำหรับสายงบน้อยแนะนำเลือกบัญชีเทรดที่ไม่มีค่าคอมมิชชั่นจะดีที่สุดเพื่อประหยัดต้นทุน
- ค่าสวอป (Swap) คือค่าธรรมเนียมในการถือ position ทองคำข้ามคืน
- หรือจะเรียกว่าเป็นดอกเบี้ยที่ทางโบรกเกอร์จ่ายให้หรือเรียกเก็บเมื่อสิ้นสุดการซื้อขาย
- โบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะไม่คิดค่าสวอปสำหรับคนที่นับถือศาสนาอิสลามเนื่องจากเป็นข้อกำหนดทางศาสนา
- สำหรับสายงบน้อยแนะนำไม่ควรถือครอง Position ข้ามคืนเพื่อประหยัดต้นทุน
ค่า Swap long มีค่าเท่ากับ -6.58 และค่า Swap short มีค่าเท่ากับ 4.36
- ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมในการถอนเงิน หรือค่าธรรมเนียมการใช้แพลตฟอร์ม เป็นต้น ควรเลือกเทรดกับโบรกเกอร์ที่ฟรีค่าธรรมเนียมการฝากถอนและใช้แพลตฟอร์มฟรีอย่าง MT4 หรือ MT5
สำหรับสายเทรดประหยัดค่าธรรมเนียมที่เทรดเดอร์จะต้องจ่ายหลัก ๆ ก็จะมีแค่เพียงค่าสเปรดเท่านั้น ส่วนค่าคอมมิชชั่น ค่าสวอป และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ควรทำความรู้จักไว้เพื่อเป็นตัวช่วยในการเลือกโบรกเกอร์
แนะนำ 5 โบรกเกอร์เทรดทองคำยอดนิยม
5 โบรกเกอร์ยอดนิยมที่มีค่าสเปรดต่ำและยอดฝากขั้นต่ำที่เหมาะสำหรับสายทุนน้อย ส่วนโบรกเกอร์ที่เหมาะสำหรับสายทุนน้อยที่สุดคือ XM
IUX Markets
- ค่า Spread เริ่มต้นที่ 0.2 pips
- ค่าคอมมิชชั่น ไม่มีสำหรับบัญชี Standard
- ค่าสวอป ฟรีทุกประเภทบัญชีเทรด
- ฝากขั้นต่ำ 10 ดอลลาร์
- ประเภทบัญชีเทรดแนะนำ บัญชี Standard
- เลเวอเรจ 1:3,000
GMI Markets
- ค่า Spread เริ่มต้นที่ 0.0 pips
- ค่าคอมมิชชั่น ไม่มีสำหรับบัญชี Cent
- ค่าสวอป ไม่คิดค่าสวอป
- ฝากขั้นต่ำ 15 ดอลลาร์
- บัญชีเทรดแนะนำ บัญชี Cent
- เลเวอเรจ 1:1,000
Exness
- ค่า Spread เริ่มต้นที่ 0.3 pips
- ค่าคอมมิชชั่น ไม่มีสำหรับบัญชี Standard Cent
- ค่าสวอป ไม่คิดค่าสวอป
- ฝากขั้นต่ำ 10 ดอลลาร์
- บัญชีเทรดแนะนำ บัญชี Standard Cent
- เลเวอเรจ 1:ไม่จำกัด
XM
- ค่า Spread เริ่มต้นที่ 0.6 pips
- ค่าคอมมิชชั่น ไม่มีสำหรับบัญชี XM Ultra Low
- ค่าสวอป ไม่คิดค่าสวอป
- ฝากขั้นต่ำ 5 ดอลลาร์
- บัญชีเทรดแนะนำ บัญชี XM Ultra Low
- เลเวอเรจ 1:1,000
Eightcap
- ค่า Spread เริ่มต้นที่ 1 pips
- ค่าคอมมิชชั่น ไม่มีสำหรับบัญชี Standard
- ค่าสวอป คิดค่าสวอป
- ฝากขั้นต่ำ 20 ดอลลาร์
- บัญชีเทรดแนะนำ บัญชี Standard
- เลเวอเรจ 1:100
โบรกเกอร์ที่มีค่าสเปรดถูกที่สุดก็คือ Eightcap ส่วนโบรกเกอร์ที่เหมาะสำหรับสายทุนน้อยก็คือ XM เนื่องจากมีค่าสเปรดที่ไม่ต่างจาก Eightcap มากนักแต่ฝากเงินขั้นต่ำเริ่มต้นที่ 5 ดอลลาร์เท่านั้น
แนวทางบริหารเงินทุนเทรดทองคำให้ยั่งยืน
ความหมายที่แท้จริงของการเทรดที่ใช้งบน้อย คือ เทรดเดอร์สามารถรักษาต้นทุนในการเทรดให้อยู่ได้นานที่สุด เพราะปัญหาหลักของการล้างพอร์ตมาจากการ Overtrade นั่นเอง การ Overtrade เป็นการเทรดที่บ่อยมากเกินไปหรือการเปิด Lot size ที่สูงเกินกว่าเงินทุนของเทรดเดอร์มากเกินไป ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เสี่ยงสูงต่อเงินทุน
หัวข้อนี้จึงขอแนะนำแนวทางในการบริหารเงินทุนเทรดทองคำให้ยั่งยืน เพื่อลดความสูญเสียเงินทุนที่จะเกิดขึ้น
แนวทางการเทรดทองคำสายทุนน้อยที่แท้จริง คือ การบริหารทุนให้อยู่ได้นานที่สุด โดยมีแนวทางการบริการทุนเทรดด้วยการเทรดเฉพาะที่ยอมขาดทุน, มีการประเมินความเสี่ยง, กำหนด Risk Reward Ratio, เลือกเลเวอเรจที่ดี, วางแผนการเทรด และบันทึกสถิติ เพื่อปรับปรุงและมองเห็นการเติบโตของพอร์ตทองคำ
เข้าเทรดเฉพาะรายการที่ยอมให้ขาดทุนได้
- พร้อมสูญเสียเงินทุนไม่เดือดร้อน เงินทุนที่ใช้ในการเทรดทั้งหมดต้องเป็นเงินทุนที่เทรดเดอร์พร้อมจะสูญเสียและไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับเทรดเดอร์
- เงินทุนหมดให้หยุดเทรด ควรกำหนดยอดเงินทุนเทรดเพื่อเป็นสัญญาณการหยุดเทรด หรือกำหนดจำนวนครั้งที่สามารถเทรดเสียต่อวันได้
- การรอจังหวะเทรดที่มั่นใจว่าทำกำไรได้แน่นอน จัดว่าเป็นนิสัยที่ควรฝึกเป็นอย่างมากช่วยลดโอกาสสูญเสียเงินทุนได้ดีที่สุด
ประเมินความเสี่ยงก่อนเทรด
เมื่อกำหนดงบประมาณในการเทรดเรียบร้อยแล้ว ก็ให้กำหนดยอดเงินที่ยอมเสี่ยงเทรดแต่ละครั้งว่าเป็นยอดเท่าไหร่ สามารถกำหนดได้ 2 แบบ
- ยอดเงินคงที่ สามารถกำหนดเงินที่เสี่ยงได้สูงสุดในการเทรดแต่ละครั้งเป็นยอดเงินคงที่ได้ เช่น มีเงินทุน 50 ดอลลาร์สามารถเสี่ยงขาดทุนได้ไม่เกิน 3.5 ดอลลาร์ต่อการเทรดแต่ละครั้ง
- กำหนดเป็นเปอร์เซ็นต์ เป็นวิธีการกำหนดความเสี่ยงที่ได้รับความนิยมที่กำหนดเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ตายตัวของยอดเงินทุนเทรดทั้งหมด สำหรับมือใหม่ควรอยู่ระหว่าง 3-7%
- กำหนด Lot Size ที่เหมาะสม อีกหนึ่งตัวช่วยในการลดการเกิด Overtrade ก็คือ การกำหนดขนาดล็อตในการเทรดที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่เทรดเดอร์กำหนดไว้ สามารถคำนวณผ่านเว็บไซต์ myfxbook ซึ่งมีวิธีการคำนวณดังนี้
- เข้าสู่หน้าเว็บไซต์คำนวณ Position Size (Link : https://www.myfxbook.com/forex-calculators/position-size)
- กำหนดค่าต่าง ๆ
- Currency Pair คู่สกุลเงินที่ต้องการเทรด เลือก XAUUSD
- Account Currency สกุลเงินที่อยู่ในพอร์ตนิยมเป็นเงินดอลลาร์
- Account Size จำนวนเงินที่มีอยู่ในพอร์ต ตัวอย่างกำหนดเป็น 50 ดอลลาร์
- Risk Ratio, % จำนวนเปอร์เซ็นต์ที่สูญเสียได้ในการเทรดแต่ละครั้ง ตัวอย่างเช่น ใส่ Risk Ratio ไปที่ 3% หมายความว่าเทรดเดอร์รับความเสี่ยงในการสูญเสียจำนวนเงินในการเทรดแต่ละครั้งเพียงแแค่ 3% ของยอดเงินที่อยู่ใน Account Size
เช่น มี 50 ดอลลาร์เทรดแต่ละครั้งสูญเสียได้สูงสุด 1.5 ดอลลาร์ต่อครั้ง มือใหม่ควรมี Risk Ratio ไม่ควรเกิน 3% - Stop-Loss, Pips จำนวน Pips ที่ใช้ในการ Stop Loss หรือจุดที่ยอมขาดทุน ตัวอย่างกำหนดเป็น 100 Pips
- กดปุ่ม Calculate เพื่อคำนวณขนาดล็อตที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่กำหนด
ตัวช่วยคำนวณหา Lot size ที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่เทรดเดอร์กำหนดบนเว็บไซต์ myfxbook ลดการเกิด Overtrade
กำหนด Risk Reward Ratio
- กำหนดอัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทนเพื่อช่วยเพิ่มการทำกำไรในการเทรดแต่ละครั้ง
- Risk Reward Ratio 1:1 หมายความว่า มีทุนการเทรด 50 ดอลลาร์โดยในการเทรดแต่ละครั้งเทรดเดอร์ยอมขาดทุนได้สูงสุด 50 ดอลลาร์และมีเป้าหมายกำไรสูงสุด 50 ดอลลาร์ หากเทรดได้ 1 ครั้งและเทรดเสีย 1 ครั้งเทรดเดอร์ได้กำไร 0 ดอลลาร์
- ควรกำหนด Risk Reward Ratio อย่างน้อย 1:2 หรือ 1:3 เพราะว่าหากเทรดได้ 3 ครั้งและเทรดเสีย 3 ครั้งเทรดเดอร์ในวันเดียวกันก็ยังคงได้กำไรอยู่
เลือกเลเวอเรจให้เหมาะสม
- เลเวอเรจเป็นตัวช่วยเพิ่มเงินทุนที่ทางโบรกเกอร์ได้จัดเตรียมไว้ให้ หรือเป็นการยืมเงินจากโบรกเกอร์มาเทรดนั่นเอง เป็นการเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
- เลเวอเรจ 1:20 หมายความว่า เทรดเดอร์มีเงินทุน 50 ดอลลาร์ สามารถเทรดด้วยเงินทุนสูงสุดถึง 1,000 ดอลลาร์
- ควรเลือกใช้เลเวอเรจตามความเสี่ยงที่เทรดเดอร์ยอมรับได้ เพราะว่าตัวเลขกำไรที่คาดว่าจะได้ก็อาจเสี่ยงเป็นเงินทุนที่จะเสียได้เช่นกัน ดังนั้นควรเลือกใช้เลเวอเรจให้เหมาะสม
วางแผนการเทรด
- เลือกกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสมกับตนเอง เช่น การเลือก Indicator หรือกรอบเวลา
- ควรทดลองเทรดหรือทดสอบย้อนหลัง (Backtesting) ในบัญชีทดลองอย่างน้อย 3-6 เดือน เพื่อปรับกลยุทธ์ให้เกิดความมั่นใจในการเทรด
- ทำตามแผนการเทรดอย่างมีวินัย
บันทึกสถิติการเทรด
- ควรมีการจดบันทึกสถิติการเทรดประจำวัน เช่น ยอดเงินทุน, กำไร, Win Rate, กำไรสุทธิ และยอดเงินคงเหลือในพอร์ต เป็นต้น
- มีการบันทึกสาเหตุที่เทรดได้กำไรและเทรดเสียในแต่ละครั้ง เพื่อนำมาปรับปรุงพัฒนาตนเอง
- ช่วยให้มองเห็นพัฒนาการการเติบโตของพอร์ตทองคำ
บทสรุป
การเทรดทองคำให้ประสบความสำเร็จด้วยเงินทุนที่จำกัดนั้น สามารถทำได้ดังนี้
- การเลือกโบรกเกอร์ ประเภทบัญชีเทรด โดยมีค่าธรรมเนียมที่เหมาะสมกับทุนของเทรดเดอร์
- มีการบริหารเงินทุนที่จะช่วยรักษาทุนในการเทรดด้วยกำหนดเงินทุน ประเมินความเสี่ยง กำหนดอัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน ที่ช่วยเพิ่มกำไรและป้องกันการขาดทุน ฝึกนิสัยเทรดเฉพาะรายการที่มั่นใจ
- กำหนด Lot size ที่เหมาะสมกับความเสี่ยงเพื่อลดการ Overtrade และเลือกใช้เลเวอเรจให้เหมาะสม
- ทำตามแผนการเทรดอย่างมีวินัย ทดสอบย้อนหลัง (Backtesting) ให้มั่นใจก่อนเทรดจริง
- บันทึกสถิติการเทรดเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์การเทรด และช่วยมองเห็นการเติบโตของพอร์ต