ขอแนะนำบทวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ ทิศทางราคาทองคำ 2024 ซึ่งได้แสดงให้เห็นปรากฏการณ์ที่ไม่น่าเชื่อได้เกิดขึ้นที่มีการคาดการณ์ราคาทองคำไปในทิศทางเดียวกันจากผู้เชี่ยวชาญได้วิเคราะห์ว่าราคาทองคำในปีนี้มีแนวโน้มเป็นกระทิง โดยผู้เชี่ยวชาญเองยังมองว่าปี 2024 นี้จะเป็นปีที่แข็งแกร่งของโลหะมีค่า ด้วยปัจจัยบวก 3 ปัจจัยที่เป็นตัวขับเคลื่อน ก็คือ ความคาดหวังว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลง ภาวะสงครามในตะวันออกกลางและรัสเซีย และความต้องการของธนาคารกลาง หลังจากที่ได้มีการทำสถิติราคาทองคำสูงสุดมาแล้วเมื่อปี 2023 และผู้เชี่ยวชาญหลายคนต่างก็คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นอีกครั้งในปี 2024
การวิเคราะห์ทิศทางราคาทองคำจากผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ
ผู้เชี่ยวชาญ เจ.พี. มอร์แกน คาดการณ์ว่าราคาทองคำพุ่งสูงในครึ่งปีหลัง 2024
- ทางผู้เชี่ยวชาญของธนาคาระดับโลกอย่าง เจ.พี. มอร์แกน ได้ออกมาคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะพุ่งสูงถึง 2,175 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2024 และจะพุ่งสูงไปถึง 2,300 ดอลลาร์ในปี 2025
- เบื้องต้นทางธนาคารได้เห็นว่าราคาทองคำได้มีการย่อตัวลงมาจากราคาสูงสุดในช่วงที่ผ่านมาในขณะที่อัตราดอกเบี้ยยังคงสูงอยู่แต่ทางธนาคารกลางของสหรัฐหรือเฟดคาดว่าจะเริ่มปรับลดอัตราลงในช่วงปลายปี 2024
- เหตุผลที่มีการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วในปี 2565 และ 2566 ก็เพื่อลดปัญหาอัตราเงินเฟ้อ โดยในเวลานี้ธนาคารกลางทั่วโลกต้องการให้ลดอัตราดอกเบี้ยลงเมื่อสถานการณ์อัตราเงินเฟ้อเริ่มผ่อนคลายลง
- การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเกิดจากมีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเกิดการชะลอตัวในปี 2024 ทำให้ต้องมีการกำหนดนโยบายลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อจูงใจให้ประชาชนกล้าที่จะกู้ยืมและใช้จ่ายมาก ซึ่งจะส่งผลให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง
- เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลงหรือผลตอบแทนที่ได้จากการฝากเงินออมทรัพย์และพันธบัตรก็จะลดลงไปด้วย และสิ่งเหล่านี้กระตุ้นให้ทองคำมีความน่าสนใจมากขึ้นรวมไปถึงกลุ่มโลหะสีทอง
- Gregory Shearer หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ด้านโลหะมีค่าของ J.P. Morgan ได้ให้ความเห็นว่า “สำหรับโลหะมีค่าทุกประเภทเราสามารถคาดการณ์ได้อย่างมั่นใจว่า ราคาทองคำและเงินจะมีอยู่ในภาวะตลาดกระทิงระยะกลางตลอดช่วงปี 2024 และครึ่งปีแรกของ 2025 อย่างไรก็ตามการหาจังหวะเข้าซื้อก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ”
นอกเหนือจากการปรับลดตัวลงของอัตราดอกเบี้ยจากเฟดที่กำลังจะเกิดขึ้นในกลางปี 2024 และภาวะสงครามแล้ว ธนาคารกลางทั่วโลกเองก็มีแนวโน้มที่จะเข้าซื้อทองคำต่อไป เพื่อรองรับความต้องการของทองคำในปีนี้ ธนาคารกล่าวว่า “ที่ผ่านมาธนาคารกลางของจีนได้ทำการเข้าซื้อทองคำมากกว่า 800 ตันในสามไตรมาสแรกของปี 2566 ฝ่ายวิจัยของเจ.พี. มอร์แกน ได้ประมาณการว่าภายในปี 2024 นี้ยังจะมีธนาคารกลางจากทั่วโลกต้องการเข้าซื้อทองคำมากกว่า 950 ตัน โดยธนาคารกลางของจีนได้เข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องและมีปริมาณการเข้าซื้อที่มากกว่าปี 2565 ในช่วงเวลาเดียวกันจึงส่งผลให้ราคาทองคำสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์”
UBS มองว่าราคาทองคำสูงขึ้น 10%
- ที่ปรึกษาทางการเงินอย่างธนาคาร UBS ก็มีแนวคิดเช่นเดียวกับ J.P. Morgan คาดว่าตลอดทั้งปีอัตราดอกเบี้ยจะเริ่มสูงขึ้นส่งผลให้ราคาทองคำสูงตามไปด้วย ทางธนาคารคาดว่าราคาทองคำจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,250 ดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้แม้จะพบความผันผวนของราคาในระยะสั้นก็ตาม
- UBS ได้สะท้อนให้เห็นว่าธนาคารเพื่อการลงทุนอื่น ๆ ที่ได้อ้างอิงจากการคาดการณ์ของ UBS ที่คาดหวังว่าจะเกิดการลดอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2024 จนสร้างแรงกดดันต่อเงินดอลลาร์สหรัฐและอัตราดอกเบี้ยได้อย่างแท้จริง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นทำให้เกิดความต้องการใหม่ขึ้นมา โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนซื้อขายจากกองทุนทองคำ
- ทาง UBS เองก็ได้ชี้ให้เห็นว่าความเสี่ยงที่เกิดจากสงครามการแย่งดินแดนก็ยังคงเป็นเหตุผลที่สำคัญในการกระจายความเสี่ยงไปในการลงทุนไปยังทองคำ
ING Bank มองว่าปี 2024 ราคาทองคำทุบสถิติใหม่
- ING Bank เชื่อว่าราคาทองคำจะทำสถิตใหม่อีกครั้งในปี 2024 หลังจากที่ได้มีการสร้างสถิติใหม่ในช่วงปลายปี 2023 ที่ผ่านมา โดยราคาทองคำแตะระดับที่ 2,135.40 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2023
- ช่วงที่คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะทำสถิติใหม่นั้นจะเป็นช่วงที่มีการออกมาประกาศเรื่องอัตราดอกเบี้ยของเฟดซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2024 หลังจากที่ราคาทองคำได้ปรับตัวลงเนื่องจากได้มีการประกาศเลื่อนลดอัตราดอกเบี้ยออกไปอีก แต่ราคาก็ยังคงอยู่เหนือระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในเดือนมกราคม
- ทางไอเอ็นจีเชื่อว่าราคาทองคำอาจจะมีการทำสถิติใหม่ในปีนี้ และคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2,100 ดอลลาร์ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2024
- การคาดการณ์ของ ING เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าที่มีปัจจัยหลักที่เรารู้กันดีอยู่แล้วอย่าง การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed, ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และความไม่แน่นอนในสงครามแย่งดินแดน ส่งผลให้เกิดความต้องการในการซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัยและความต้องการลงทุนในทองคำอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางทั่วโลก
สภาทองคำโลกมองว่าราคาทองคำพุ่งเกิดจากแรงซื้อจากธนาคารกลาง
- สภาทองคำโลก หรือ World Gold Council องค์กรพัฒนาตลาดสำหรับอุตสาหกรรมทองคำและได้ทำการวิจัยโดยรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับอุปสงค์และอุปทานของโลหะมีค่า
- จากการวิจัยแนวโน้มราคาทองคำประจำปีพบว่า ราคาทองคำจะมีราคาพุ่งสูงขึ้นในปี 2024 เพราะว่าแรงสนับสนุนจากการเข้าซื้อของธนาคารกลางและความตึงเครียดที่เกิดจากสงครามดินแดน
- งานวิจัยได้นำเสนอสถานการณ์อีกหลากหลายรูปแบบโดยอาจจะต้องดูว่าเศรษฐกิจจะส่งผลต่อราคาทองคำอย่างไรบ้าง ถ้าหากเศรษฐกิจมีการหดตัวเกิดภาวะถดถอยราคาทองคำก็จะมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนต่างมองหาสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยในขณะที่ตลาดเกิดความผันผวน แต่ถ้าเศรษฐกิจเติบโตราคาทองคำก็อาจจะโตตามไปด้วยเนื่องจากนักลงทุนต้องการแสวงหาผลตอบแทนจากตัวเลือกอื่น
- ไม่ว่าเศรษฐกิจในปี 2024 จะเป็นอย่างไรก็ตามทางสภาทองคำโลกเชื่อว่า จะมีการเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องแน่นอนแต่ราคาเกิดความผันผวนเนื่องจากภาวะที่ตึงเครียดจากสงครามแย่งดินแดนและความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของเหล่าธนาคารกลางทั่วโลก
- เมื่อปีที่แล้วทางสภาทองคำโลกได้ประมาณการว่าความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของธนาคารกลางทำให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น 10% หรือมากกว่านั้น และมีแนวโน้มว่าพวกเขายังคงเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องต่อไป
- ในปี 2024 ราคาทองคำอาจจะไม่แตะระดับสูงสุดเหมือนสองปีที่ผ่านมาแต่ทางสภาทองคำโลกคาดการณ์ว่า มีแนวโน้มการเข้าซื้อที่สูงกว่า เช่น มากกว่า 400-500 ตัน ซึ่งถือว่าเป็นกำลังซื้อที่เพิ่มมาเป็นพิเศษ
ภาพรวมบทวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำจากผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่การคาดการณ์ทิศทางราคาทองคำจากผู้เชี่ยวชาญจะสอดคล้องกัน เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อราคาของโลหะมีค่า แต่นักวิเคราะห์ของธนาคารระดับโลกหลายแห่งต่างก็เห็นพ้องกันว่าแนวโน้มราคาทองคำในปี 2024 จะอยู่ในเกณฑ์ที่ดีแม้ว่าจะมีการทำลายสถิติเมื่อเดือนมกราคม 2024 ที่ผ่านมาแต่ก็ยังมองเห็นว่าราคาทองคำยังมีโอกาสพุ่งสูงไปได้อีก
- Saxo Bank ให้ความเห็นว่า “ราคาทองคำจะยังมีแนวโน้มขาขึ้นในปี 2024 ด้วยความเชื่อที่ว่าอัตราดอกเบี้ยได้ถึงจุดสูงสุดแล้ว กองทุนเฟดและอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงจะยังคงมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง”
- Bank of America ให้ความเห็นว่า ราคาทองคำอาจจะพุ่งสูงถึง 2,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปี 2024 ถ้าหากเฟดมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไตรมาสแรก
- ปัจจัยที่สำคัญต่อการขึ้นราคาของทองคำนี้ ก็คือ การคาดหวังว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยลงแต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมายที่ทำให้ราคาทองคำสูงขึ้นรวมไปถึงการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ สงคราม และการเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลาง ซึ่งเหล่านักวิเคราะห์ทางก็มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันถือว่าเป็นปรากฎการณ์ที่นักลงทุนควรนำมาพิจารณา
การวิเคราะห์ทิศทางราคาทองคำจากผู้เชี่ยวชาญของไทย
- ราคาทองคำปี 2024 ยังคงเป็นบวกต่อแต่อาจไม่ร้อนแรงเหมือนที่คาดการณ์ปัจจัยหลักที่สนับสนุนก็คือ นโยบายการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด, การเลือกตั้งประธานธิบดีของไต้หวัน-รัสเซีย-สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์
- ความเสี่ยงที่ส่งผลให้ราคาทองคำยังไม่ปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ลดตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยทางเฟดได้ตั้งเป้าว่าอัตราเงินเฟ้อจะต้องอยู่ที่ 2% จึงจะมีการลดของอัตราดอกเบี้ยลง ทางผู้เชี่ยวชาญมองว่า ราคาทองคำในช่วงครึ่งปีแรกยังเป็นการพักฐานอยู่ ดังนั้นเราจะต้องติดตามอัตราเงินเฟ้อแบบเดือนต่อเดือนเพื่อคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ยได้อย่างชัดเจน
- ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันได้ผลออกมาที่แน่นอนแล้วซึ่งสะท้อนให้ได้ว่าความตึงเครียดระหว่าง สหรัฐ-ไต้หวัน-จีน ก็ยังจะส่งผลต่อเนื่องอีกหลายปีทำให้ส่งผลบวกต่อราคาทองคำ
- ส่วนการเลือกตั้งประธานาธิบดีของรัสเซีย ถ้าหากผลการเลือกปูตินยังคงได้เป็นประธานาธิบดีก็อาจจะทำให้สงครามรัสเซีย-ยูเครนอาจเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น
- การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่สำคัญมาก ให้ทำการจับตามองนโยบายของเฟดที่อาจจะมีการปรับนโยบายของดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐให้ดีขึ้น ไม่ว่าผลการเลือกตั้งออกมาเป็นอย่างไรก็จะส่งผลต่อทองคำอย่างแน่นอนเป็นเพราะนโยบายของเฟดที่ออกมา โดยผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าอาจจะมีการลดดอกเบี้ยของเฟดในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน 2024
- มีการคาดการณ์ว่าราคาทองยังคงเป็นขาขึ้นโดยจะมีการทำสถิติราคาสูงสุดใหม่แนวต้านจะอยู่ที่ประมาณ 2,200 หรือ 2,250 ดอลลาร์และแนวรับไม่ควรหลุดจาก 1,900-1,920 ดอลลาร์
- ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าราคาทองคำยังเป็นแนวโน้มขาขึ้นไปถึงปี 2025
บทสรุป
จากบทวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ ทิศทางราคาทองคำ 2024 ทั้งในไทยและต่างประเทศจะพบว่ามีการคาดการณ์ราคาทองคำไปในทิศทางเดียวกันก็คือ ราคาทองคำมีแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งเกิดจากปัจจัยที่สำคัญที่ผู้เชี่ยวชาญต่างให้ความเห็นตรงกัน ไม่ว่าจะเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด การเมืองการสงคราม และการหาช่องทางที่สร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าของนักลงทุนอย่างธนาคารทั่วโลก โดยมีการคาดการณ์ว่าราคาทองคำอาจจะพุ่งไปสูงสุดที่ 2,400 ดอลลาร์แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจจะต้องมีการติดตามสถานการณ์เงินเฟ้อและนโยบายอัตราดอกเบี้ยของเฟดอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยแต่ก็มีความผันผวนของราคาสูง ส่วนราคาในแนวรับน่าจะอยู่ที่ 1,900 ดอลลาร์โดยผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป็นแนวรับที่ค่อนข้างแข็งแรง เบื้องต้นแนะนำให้ติดตามข่าวสาร forexfactory อยู่เสมอเพื่อที่เทรดเดอร์จะไม่พลาดข่าวสารที่เกี่ยวกับการเทรดทองคำ XAUUSD