วิธีการคาดการณ์ราคาทองคำ: ปัจจัยที่ต้องรู้

สิ่งสำคัญในการเทรดทองคำ ก็คือ วิธีการคาดการณ์ราคาทองคำ: ปัจจัยที่ต้องรู้ ถือได้ว่าเป็นพื้นฐานที่ช่วยให้เทรดเดอร์คาดเดาแนวโน้มของราคาทองคำไปในทิศทางเดียวกับตลาด เพราะว่าสาเหตุหลักที่พอร์ตเทรดถูกล้างเกิดจากการเลือกเทรดไปในทิศทางสวนทางกับตลาด บทความนี้จะขอคัดเฉพาะปัจจัยเด็ดที่ต้องรู้เท่านั้น

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองคำมีอะไรบ้าง

ความต้องการซื้อขายทองคำ (Demand and Supply)

  • ปัจจัยด้านความต้องการซื้อ (Demand)
    • เครื่องประดับ
      • เป็นกลุ่มที่มีความต้องการซื้อทองคำมากที่สุดมีปริมาณความต้องการมากถึงเกือบ 50% ของความต้องการซื้อทองคำทั่วโลก
      • โดยเฉพาะประเทศจีนและอินเดียที่จะมีการเข้าซื้อทองคำเป็นประจำทุกปี ช่วงเทศกาลตรุษจีนตั้งแต่เดือนมกราคมและเทศกาลแต่งงานของคนอินเดียในเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์
      • ประเทศจีนและอินเดียเป็นประเทศที่มีประชากรจำนวนมาก ดังนั้นการเข้าซื้อทองคำจึงมีผลต่อราคาทองคำตลาดโลก
      • จะพบว่าช่วงที่ควรเข้าซื้อทองคำคือเดือนตุลาคมถึงธันวาคม และช่วงที่ควรขายทองคำเพื่อทำกำไรคือเดือนมกราคมหรือเดือนกรกฎาคม
    • การลงทุนและเก็งกำไร
      • นักลงทุนทั่วโลก ที่มักจะเลือกทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเมื่อเกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ หรือเพื่อป้องกันผลกระทบจากเงินเฟ้อ
      • ธนาคารกลางทั่วโลก
        • ใช้ทองคำเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศเพื่อเสถียรภาพทางการเงิน หรือใช้จ่ายปัจจัยจำเป็นต่อประเทศ เช่น น้ำมันหรือยา รวมไปถึงการค้าระหว่างประเทศ
        • การเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางแต่ละครั้งส่งผลให้ราคาทองคำอย่างมาก เนื่องจากมีปริมาณการซื้อที่สูง ทำให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
      • อุตสาหกรรมการผลิตและการแพทย์
        • อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสื่อสารโทรคมนาคม ปัจจุบันอุปกรณ์เหล่านี้มีความต้องการจากผู้ใช้ทั่วโลกส่งผลให้ทองคำได้รับความต้องการเพิ่มขึ้น
        • อุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อความสวยงาม เช่น ผลิตภัณฑ์ไหมทองคำ เป็นต้น
      • ปัจจัยด้านความต้องการขาย (Supply)
        • ทองคำที่ถูกขุดขึ้นใหม่จากเหมืองทอง หากพบแหล่งขุดทองคำขนาดใหญ่แหล่งใหม่เป็นการเพิ่มปริมาณทองคำเข้าสู่ระบบก็ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลง
        • ทองคำเก่าที่ถูกนำมาหลอมเพื่อผลิตใหม่ มักจะมาจากการนำขายทองคำเก่ากลับสู่ตลาดแล้วนำไปหลอมใหม่เพื่อนำมาวางขายในตลาดทองคำอีกครั้ง ถ้ามีปริมาณมากราคาทองคำก็ลดลง
        • การเทขายทองคำจากธนาคารกลาง เนื่องจากการเทขายแต่ละเป็นปริมาณที่เยอะจึงส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลงได้
      • หากมีความต้องการซื้อมากกว่าความต้องการขายส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น แต่ถ้ามีความต้องการขายมากกว่าความต้องการซื้อราคาทองคำก็จะปรับตัวลดลง

ปัจจัยความต้องการซื้อจากธนาคารกลางเป็นปัจจัยที่นักลงทุนควรจับตามอง เพราะการเข้าซื้อทองคำแต่ละครั้งมีปริมาณสูงมากส่งผลต่อแนวโน้มของราคาทองคำรุนแรง

การซื้อทองคำของธนาคารกลางมากที่สุด 10 อันดับแรกในปี 2019-2023 ได้แก่ จีน 383 ตัน, ตุรกี 287 ตัน, โปแลนด์ 230 ตัน, รัสเซีย 220 ตัน, อินเดีย 203 ตัน, สิงคโปร์ 103 ตัน, ไทย 90 ตัน, กาตาร์ 70 ตัน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 67 ตัน ,ฮังการี 63 ตัน ที่มา : ข้อมูลสถิติการเงินระหว่างประเทศ จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF IFS), ธนาคารกลางต่าง ๆ และสภาทองคำโลก

แนวโน้มเศรษฐกิจโลก (Macro-Economic)

  • เศรษฐกิจโลกเติบโต ส่งให้สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง เช่น หุ้น, ดัชนีดาวโจนส์ หรือ ดัชนี S&P 500 เป็นต้น ให้ผลตอบแทนดี นักลงทุนจะเลือกลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากกว่าส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง
  • เศรษฐกิจโลกถดถอยหรือตกต่ำ ส่งให้สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงให้ผลตอบแทนลดลงหรือหุ้นตก นักลงทุนจะเลือกลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำส่งผลราคาทองคำปรับตัวขึ้นมา
จากสถิติภาวะวิกฤตเศรษฐกิจครั้งสำคัญของโลกตั้งแต่ปี 2000-2024 ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้น

ราคาน้ำมัน (Oil)

  • เศรษฐกิจขยายตัวเติบโตดีมาก ส่งผลให้น้ำมันเป็นที่ต้องการมากขึ้นเนื่องจากมีการขยายการผลิตสินค้าและบริการ ราคาน้ำมันจึงขึ้นส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นจนเกิดเงินเฟ้อสูง ราคาทองคำขึ้นตาม
  • เศรษฐกิจชะลอ ส่งผลให้น้ำมันเป็นที่ต้องการน้อยลงเนื่องจากการขยายการผลิตสินค้าและบริการน้อยลง ราคาน้ำมันจึงลดส่งผลให้ต้นทุนการผลิตต่ำลงจนเกิดเงินเฟ้อลดลง ราคาทองคำลดลงตาม

เงินเฟ้อ (Inflation)

  • เงินเฟ้อ หมายถึง ราคาสินค้าค่อย ๆ ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เช่น ปี 2000 น้ำมันลิตรละ 15 บาท ปี 2024 น้ำมันลิตรละ 40 บาท สินค้าเดิมปริมาณเท่าเดิมแต่ต้องใช้เงินซื้อมากขึ้น หรือค่าเงินลดลง
  • ที่มาของเงินเฟ้อ
    • Demand Pull Inflation ผู้บริโภคมีรายได้มากขึ้นต้องการใช้จ่ายมากขึ้น ส่งผลสินค้าราคาแพงขึ้น
    • Cost Push Inflation ต้นทุนสินค้าแพงขึ้น เกิดจากต้นทุนด้านพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างน้ำมัน, การเพิ่มขึ้นของค่าจ้าง และความโลภของผู้ผลิต
  • ตัวเลขสำคัญที่ควรติดตามเงินเฟ้อของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
    • CPI (Consumer Price Index) ดัชนีราคาผู้บริโภค
      • ตัวเลขที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ภาคครัวเรือนในเขตเมืองใช้จ่ายเป็นประจำ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้เงินเฟ้อของแต่ละช่วงเวลาที่ต้องการวัด
    • PPI (Producer Price Index) ดัชนีราคาผู้ผลิต
      • ตัวเลขที่ใช้เป็นการวัดค่าการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าที่ถูกผู้ผลิตจัดจำหน่าย ถือว่าเป็นตัวบ่งชี้เงินเฟ้อที่เกิดจากฝั่งผู้ผลิตในช่วงเวลาที่ต้องวัดเช่นกัน
    • PCE Price Index ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล
      • ตัวเลขวัดค่าการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคได้สั่งซื้อโดยไม่มีการรวมอาหารและพลังงานเข้า เป็นตัวบ่งชี้เงินเฟ้ออีกหนึ่งตัว
    • ระดับเงินเฟ้อที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 2-3% หากสูงกว่านั้นธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟดจะเริ่มมีนโยบายทางการเงินออกมาเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินและเศรษฐกิจ
  • ผลกระทบรุนแรงของเงินเฟ้อ
    • ความสามารถในการซื้อสินค้าและบริการลดลง เนื่องจากราคาสินค้าสูงแพงและผู้บริโภคมีรายได้เท่าเดิม ส่งผลให้มีการจับจ่ายลดลงเพื่อใช้จ่ายเฉพาะสิ่งจำเป็นเท่านั้น
    • ผู้ประกอบการมีการจ้างงานลดลงเพื่อลดขนาดกิจการเนื่องจากได้ผลกำไรลดลง หรือเลิกกิจการ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจกำลังอยู่ในขาลง ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นมีราคาตกนั่นเอง
    • ที่สำคัญเงินเฟ้อทำให้มูลค่าของเงินลดลง หากเกิดปัญหาเงินเฟ้อที่รุนแรงนักลงทุนมักจะเลือกการรักษามูลค่าของเงินไว้ด้วยการลงทุนในทองคำ
    • ราคาทองคำจะเติบโตตามเงินเฟ้อ เงินเฟ้อสูงราคาทองคำขึ้น เงินเฟ้อต่ำราคาทองคำลดลง เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ชื่นชอบการมีสภาพคล่องอย่างมาก
การเปรียบเทียบราคาทองคำกับอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ 10 ปีย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2014 ถึง 2024

อัตราดอกเบี้ย (Interest Rate)

  • เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะเงินเฟ้อสูง ก็จะส่งผลให้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเพื่อชะลอความร้อนแรงเศรษฐกิจ ลดการลงทุน ทำให้ความต้องการสินค้าต่าง ๆ ลดลงราคาสินค้าเริ่มปรับตัวลง
  • แต่อัตราดอกเบี้ยที่เฟดขึ้นจะส่งผลต่อราคาทองคำเสมอไป แต่จะเป็นอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่เกิดจากอัตราดอกเบี้ย ณ ปัจจุบัน ลบด้วยอัตราเงินเฟ้อ
  • เขียนในรูปสมการจะได้ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง = อัตราดอกเบี้ย ณ ปัจจุบัน – อัตราเงินเฟ้อ
  • ถ้าอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงเป็นขาขึ้น ทองคำจะไม่ชอบส่งผลให้ราคาทองคำลดลง เช่น อัตราดอกเบี้ยเฟด 25% อัตราเงินเฟ้อ 3.8% อัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นคือ +1.45% แบบนี้จะส่งผลลบต่อราคาทองคำ
  • จะทำให้นักลงทุนขายทองคำและเข้าไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯ
  • ถ้าอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงเป็นขาลง ทองคำจะชอบส่งผลให้ราคาทองคำขึ้น เช่น อัตราดอกเบี้ยเฟด 3% อัตราเงินเฟ้อ 8% อัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นคือ -0.8% แบบนี้จะส่งผลบวกต่อราคาทองคำ
  • การขึ้นและคงอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่สูงและนานเกินไปอาจจะส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจลดลง และเมื่อตัวเลขการจ้างงานลดลงแสดงว่าเศรษฐกิจกำลังถดถอย เนื่องจากดอกเบี้ยสูงส่งผลให้หนี้สินเพิ่ม
  • เมื่อเฟดพบว่าเศรษฐกิจเริ่มมีสัญญาณการถดถอย ก็จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อเศรษฐกิจเดินต่อไปได้ นักลงทุนจะย้ายการลงทุนจากการถือครองพันธบัตรรัฐบาลมายังทองคำ ส่งผลให้ราคาทองคำสูงขึ้นได้

ค่าเงินดอลลาร์ (US Dollar)

  • การเทรดทองคำในตลาด Forex ด้วยคู่สกุลเงิน XAUUSD เป็นคู่สกุลเงินระหว่างทองคำกับเงินดอลลาร์ ดั้งนั้น ราคาทองคำจึงมีความสัมพันธ์กับเงินดอลลาร์โดยตรง
  • เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตดี ไม่ว่าจะเป็น เงินเฟ้ออยู่ในระดับปกติ 2-3%, มีการจ้างงานที่สูง, อัตราคนว่างานน้อย แสดงว่าผลประกอบการดี หุ้นให้ผลตอบแทนดี ดอลลาร์แข็งค่า ส่งผลให้ราคาทองคำลดลง
  • เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตเริ่มชะลอตัวหรือถดถอย เงินเฟ้อสูง, การจ้างงานลดลง, อัตราคนว่างงานเยอะ ผลประกอบการไม่ดีราคาหุ้นตก ดอลลาร์อ่อนค่า ส่งผลให้ราคาทองคำสูงขึ้น
  • ตัวเลขสำคัญของเศรษฐกิจสหรัฐที่ควรติดตาม
    • NFP (Non-Farm Payrolls) การจ้างงานนอกภาคการเกษตร
      • ถ้ามีการจ้างงานสูงแสดงว่าเศรษฐกิจขยายตัวดี ผลประกอบการดีราคาหุ้นต่าง ๆ ดีตาม ราคาทองคำลดลง
      • ถ้ามีการจ้างงานน้อยกว่าที่คาดแสดงว่าเศรษฐกิจชะลอหรือถดถอย ผลประกอบการไม่ดีราคาหุ้นต่าง ๆ ตก ราคาทองคำปรับตัวขึ้น
    • ดัชนี GDP (Gross Domestic Product) ตัวชี้วัดพื้นฐานที่สะท้อนถึงการเติบโตโดยรวมของเศรษฐกิจ
      • ถ้าค่า GDP เพิ่มขึ้น 2 ในไตรมาสแรกและค่อย ๆ ลดลงแต่ยังเป็นบวกแสดงว่าเศรษฐกิจขยายตัวดี มีการผลิตและการจ้างงานมีตัวเลขที่สูง ราคาทองคำจะลดลง
      • ถ้าค่า GDP ลดลงต่อเนื่องจนติดลบ แสดงว่าเศรษฐกิจกำลังถดถอยหรือตกต่ำ อัตราการว่างงานสูงขึ้น ทรัพย์สินมีความเสี่ยงจะถูกเทขายเพื่อเข้าซื้อทองคำ ส่งผลให้ราคาทองขึ้น
    • Unemployment Rate อัตราการว่างงาน
      • ถ้าอัตราการว่างงานมีน้อย แสดงว่าเศรษฐกิจกำลังขยายตัว ประชาชนมีรายได้ หุ้นปันผลดีส่งผลให้มีการลงทุนในหุ้นหรือสินทรัพย์เสี่ยงมากกว่า ราคาทองคำลดลง
      • ถ้าอัตราการว่างงานสูง เศรษฐกิจกำลังถดถอยหรือตกต่ำ การปันผลของหุ้นไม่ดีหรือราคาหุ้นตกส่งผลให้เกิดการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย ราคาทองคำสูงขึ้น

การเมืองและสงครามโลก (Politics, War)

  • หรือคำที่มักจะถูกเรียกกันบ่อยตามสื่อต่าง ๆ ก็คือ สงคราม ภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) เป็นสงครามที่มีต้นกำเนิดมาจากภูมิศาสตร์ โดยมีเรื่องการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง
  • ทองคำชอบข่าวร้าย หากมีข่าวสงครามหรือมีภาวะเครีดยทางการเมืองโลกเกิดขึ้น จะส่งผลให้ราคาทองคำสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเกิดความกลัวจึงเลือกลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยมากกว่าสินทรัพย์เสี่ยง
  • ถ้าหากมีข่าวดีเกิดขึ้นก็จะส่งผลให้ราคาทองคำลดลง เนื่องจากไม่มีภาวะสงครามหรือความขัดแย้งทางการเมืองเกิดขึ้น

ในบางช่วงเช่นเดือนเมษายน 2024 แม้อัตราดอกเบี้ยของเฟดสูงถึง 5.25% ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแต่ราคาทองคำกลับปรับตัวสูงขึ้น สาเหตุมาจากมีข่าวว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยเฟดลงในช่วงกลางปี และด้วยปริมาณหนี้สาธารณะของสหรัฐฯสูงและการเมืองโลกมีทิศทางไม่แน่นอน

ทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกต่างเข้าซื้อทองคำเพื่อถือแทนเงินดอลลาร์จึงให้ความต้องการในทองคำสูงมากส่งผลให้ราคาทองคำสูงมากขึ้นแม้ว่าดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น ดังนั้น การคาดการณ์ราคาทองคำจะต้องดูปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน

การแยกปัจจัยส่งผลบวกลบต่อราคาทองคำ

ปัจจัยที่ส่งผลบวกกับราคาทองคำ ได้แก่ ความต้องการซื้อทองคำ, ราคาน้ำมัน, เงินเฟ้อ และสงครามและการเมืองโลก ปัจจัยที่ส่งผลลบกับราคาทองคำ ได้แก่ เศรษฐกิจโลก, อัตราดอกเบี้ยของเฟด ,ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และปริมาณทองคำ

ปัจจัยที่ส่งผลบวกกับราคาทองคำ

เป็นปัจจัยที่มีการแปรผันตรงกับราคาทองคำที่ส่งผลบวกให้ราคาทองคำสูงขึ้นตามไปด้วย

  • ความต้องการซื้อทองคำที่สูงมากขึ้น ด้วยปริมาณทองคำมีจำกัดบนโลกนี้ส่งผลให้ราคาทองคำสูงขึ้น โดยเฉพาะความต้องการซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก
  • ราคาน้ำมันสูงขึ้นส่งผลให้ราคาทองคำสูงขึ้นตาม
  • เงินเฟ้อสูงขึ้นส่งผลให้ราคาทองคำสูงขึ้นตาม
  • สงครามและการเมืองโลกเพิ่มความรุนแรงหรือตึงเครีดยเพิ่มขึ้น ราคาทองคำสูงขึ้นตาม

ปัจจัยที่ส่งผลลบกับราคาทองคำ

เป็นปัจจัยที่มีการแปรผกผันกับราคาทองคำส่งผลลบต่อราคาทองคำ

  • เศรษฐกิจโลกเติบโตดี ส่งผลให้ราคาทองคำลดลง
  • อัตราดอกเบี้ยของเฟดเพิ่มขึ้นส่งผลให้ราคาทองคำลดลง
  • ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าส่งผลให้ราคาทองคำลดลง
  • มีการขุดทองคำส่งผลให้ปริมาณทองคำมีมากขึ้นส่งผลให้ราคาทองคำลดลง

บทสรุป

จากปัจจัยที่สำคัญต่อการคาดการณ์ราคาทองคำที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น จะพบว่าปัจจัยที่สำคัญมากที่สุด ก็คือ  เศรษฐกิจสหรัฐฯ ทุกครั้งที่มีการประกาศนโยบายทางเงินของธนาคารสหรัฐฯ จะส่งผลแรงต่อราคาทองคำ เนื่องจากทองคำและดอลลาร์สหรัฐฯเป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่ธนาคารกลางต่างถือครองนั่นเอง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *